top of page

ลูกจ้างยุคใหม่ต้องไม่ทำแค่งานเดียว ถ้าไม่อยากเจอปัญหาเรื่องเงิน คุณต้องมีรายได้หลายทางเท่านั้น




ถ้าใครเคยได้อ่านหนังสือ “พ่อรวยสอนลูก เงินสี่ด้าน” ก็จะพบว่า คนเราจะมีช่องทางการหารายได้หรือ Income มาจาก 4 ช่องทางด้วยกัน

.

ซึ่งผมจะสรุปให้สั้นๆเข้าใจง่ายในโพสต์นี้ครับ

.

1) E (Employee) “ลูกจ้าง” เป็นงานที่ต้องเอาเวลา เอาแรงเพื่อไปแลกเงินมา โดยรายได้จะถูกคิดตามชั่วโมงการทำงาน กล่าวคือ ถ้าทำงานมาก ก็มีโอกาสได้เงินมาก วันไหนไม่ได้ทำงานก็ต้องโดนตัดค่าแรง และจะต้องอยู่ในขอบเขตตามที่บริษัทกำหนดไว้

.

2) S (Self-employed) “คนทำธุรกิจส่วนตัว” คือขยับขึ้นมาจากการเป็นลูกจ้างมาเป็นเจ้าของธุรกิจของตัวเอง แต่ยังต้อง “ทำทุกอย่าง” ในธุรกิจพอๆกับลูกจ้าง หรือบางคนอาจจะทำมากกว่าลูกจ้างด้วยซ้ำ เจ้าของธุรกิจบางคนแทบ “ไม่มีวันหยุด” ให้ตัวเองเลย อาจมองว่าเท่กว่าการเป็นลูกจ้างแต่ความเหนื่อยแทบไม่ต่างกัน

.

ซึ่งสองด้านนี้ถูกจัดอยู่ในรายได้ประเภท “Active Income” หมายถึง ต้องเอาแรงและเวลาไปแลกเงิน

.

3) B (Business Owner) “เจ้าของกิจการ” คือ คนที่คอย “วางระบบ” แล้วให้ “คนอื่น” มาทำงานแทนเกือบทั้งหมด หลายคนมองว่าคนทำธุรกิจส่วนตัวก็เหมือนกับเจ้าของกิจการนั่นแหละ แต่ความจริงคือต่างกันมากครับ

.

-คนทำธุรกิจส่วนตัวจะ ไม่ไว้ใจคนอื่น เพราะคิดว่าตนทำได้ดีกว่า เลยทำเองทุกอย่าง

-เจ้าของกิจการ จะหาคนเก่งๆมาทำงานแทน เพราะเขารู้ว่ามีคนเก่งกว่าตัวเองอีกเยอะ

.

เจ้าของกิจการ จะมีอิสระภาพด้านเวลาและด้านการเงิน เพราะไม่ต้องทำงาน หรือเต็มที่ก็อาจะเข้าบริษัทอาทิตย์ละครั้ง เพื่อเซ็นเอกสารสำคัญๆ

.

4) I (Investor) “นักลงทุน” คือ คนที่ “ใช้เงินทำงาน” เขาจึงไม่ต้องทำงานและสามารถมีอิสรภาพทั้งด้านเวลาและด้านการเงินมากที่สุด



โรเบิร์ด คิโยซากิ (ผู้เขียนหนังสือพ่อรวยสอนลูก)บอกว่า : “นักลงทุน” คือจุดเริ่มต้นของการไปสู่ความร่ำรวย ไม่ว่าตอนนี้คุณจะอยู่ด้านใด มีรายได้จากส่วนไหน ถ้าอยากรวยคุณต้องเป็น “นักลงทุน”

.

และสองด้านสุดท้ายนี้จัดอยู่ในประเภท “Passive Income” หมายถึง การให้เงินทำงานแทน จึงสามารถมีอิสรภาพทางการเงินและเวลา

.

ผมเองก็เป็นคนหนึ่งที่เป็น “แฟนตัวยง” ของหนังสือเล่มนี้เลย เพราะนี้คือหนังสือเล่มแรกที่พี่ชายผมให้ผมมาอ่าน และเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้ผมหันมาสนใจเรื่องการลงทุน

.

ถ้าใครเคยอ่านหนังสือเล่มนี้ คงไม่มีใครที่ไม่อยากย้ายตัวเองจากด้านของการเป็นลูกจ้าง ไปเป็นนักลงทุน แต่เมื่ออ่านต่อไปก็จะพบว่า…

.

เราไม่จำเป็นต้องย้ายหรือทิ้งงานจากด้านนึงไปอีกด้านนึง แต่เราสามารถมีรายได้มากกว่า 2 ด้านในเวลาเดียวกันได้

.

เช่น ตอนนี้ผมเองก็เป็น “ลูกจ้าง” หรือพนักงานประจำเหมือนใครหลายคนนั่นแหละ แต่งานที่ผมทำมันคือ “งานที่ผมเลือก” ไม่ใช่งานเลือกผม ซึ่งสองอย่างย่อมต่างกัน ฉะนั้น ผมไม่จำเป็นต้องทิ้งมัน เพราะผมรักและมีความสุขที่ได้ทำมัน (ด้านที่หนึ่ง)

.

อย่างไรก็ตาม หลังเวลาเลิกงานผมก็เป็น “คนทำธุรกิจส่วนตัว” โดยการทำเพจ Money Halal ให้ความรู้ ทำคอนเทนท์ ขายหนังสือ ขายความรู้ที่มีไปด้วย (ด้านที่สอง)

.

(ด้านที่สาม)ยังเป็นไม่ได้ขอข้ามไปก่อนละกันครับ

.

และด้านสุดท้ายคือ(นักลงทุน)ที่ใครหลายคนมองว่าเป็นเรื่องยาก ต้องใช้เงินเยอะ เราทำไม่ได้หรอก จนกระทั่งผมได้มาเจอกับการลงทุน “หุ้น” ผ่านหนังสือเล่มนี้แหละ

.

เมื่อผมศึกษาให้ละเอียดจึงพบว่า “พนักงานประจำแบบผม” ก็สามารถเป็นนักลงทุนได้ไม่ยากนัก ซึ่งเราก็สามารถวางแผนการลงทุนในแบบที่เราต้องการได้

.

โดยผมใช้เวลาหลังเลิกงานในการหาข้อมูลของบริษัทที่น่าสนใจ ที่เราอยากลงทุน และซื้อหุ้นแบบระยะยาว เน้นกินเงินปันผล เพราะพนักงานประจำแบบผมคงไม่มีเวลามาเฝ้าจอ

.

ผมจึงเลือกลงทุนแบบ Vi หรือเน้นเงินปันผล โดยการหักจากเงินเดือนอย่างน้อย 10% ไปซื้อหุ้นแบบ DCA ในจำนวนเท่ากันทุกเดือน (เหมือนการออมในหุ้น)



หรือหากเดือนไหนที่สามารถหาเงินได้เยอะกว่าเงินเดือนก็อาจจะเอาเงินบางส่วนไปซื้อหุ้นแบบเก็งกำไรระยะสั้นบ้าง สั้นที่ว่าไม่ใช่ Day Trad นะครับ แต่จะเก็งไว้อย่างน้อย 1-3 เดือน แล้วแต่หุ้นตัวนั้นๆ

.

เท่ากับว่าตอนนี้ผมมีรายได้จากสามด้านสามทางด้วยกัน คือ 1.ลูกจ้าง 2.คนทำธุรกิจส่วนตัว 3.นักลงทุน

.

หากวันนึงผมโดนไล่ออกจากงานหรืออยากลาออกเอง ผมก็ยังมีรายได้ทางที่สองและสามหรือวันไหนผมไม่มีรายได้ทั้งทางที่หนึ่งและสองผมก็ยังมีทางที่ สามที่เป็น Passive Income ให้ผมได้

.

แต่อย่างไรก็ตามกว่าที่ผมจะสามารถมีรายได้ทั้ง 3 ทางนี้พร้อมๆกันได้ ผมก็เป็นคนหนึ่งที่ “ติดกับดัก” การเป็นลูกจ้างมาก่อน ออกจากงานนี้ ก็หางานใหม่ เพราะคิดว่าการเป็นลูกจ้างคงเป็นอะไรที่ “มั่นคง”ที่สุดตามที่เราเคยถูกปลูกฝังกันมา

.

ถ้าถามว่าอะไรคือจุดเปลี่ยนของผม ?

.

คำตอบคือ “การอ่านหนังสือ” ครับ เพราะการอ่านคือประตูสู่การเปลี่ยนแปลงและพัฒนาตนเองได้ดีที่สุด แม้กระทั่งอัลกุรอ่านยังเริ่มต้นด้วยโองการที่ว่า “อิกเราะอฺ” (จงอ่าน)

.

แถมหนังสือเล่มนึง ก็มีราคาไม่แพงนักแค่หลักร้อยใครๆก็เข้าถึงได้ หรือบางคนอาจได้มาฟรีด้วยซ้ำ เหมือนผมที่ได้มาจากพี่ชายอีกที

.

แต่ถึงแม้การอ่านหนังสือจะสามารถมอบความรู้ใหม่ๆให้เราได้ก็จริง แต่มันก็ยังมีข้อจำกัดอยู่บ้าง เช่น หากเราเกิดข้อสงสัยในเนื้อหา เราก็ไม่สามารถถามหรือปรึกษากับผู้เขียนโดยตรงได้

.

ผมเองเริ่มศึกษาเรื่องหุ้นจากการอ่านหนังสือ ดูยูทูบ เสิร์ชกูเกิล แต่สุดท้ายช่องทางการหาความรู้ที่ผมมองว่าตอบโจทย์มากที่สุดสำหรับผมคือ “การลงคอร์สเรียน” ครับ

.

เพราะการลงคอร์สเรียนจะทำให้เราสามารถสอบถามข้อสงสัยกับผู้สอนได้โดยตรง แถมยังได้เพื่อนร่วมห้องเรียนอีกด้วย และผู้สอนเองก็จะทำเนื้อหาที่ตอบโจทย์กับความต้องการของเรามากที่สุดไม่ต้องเสียเวลางมหาเอง

.

ยกตัวอย่าง ที่ผมศึกษาเรื่องการเงินจากโค้ชหนุ่มหรือ Money Coach โดยการซื้อหนังสือ Money101 ดูยูทูบของโค้ช ติดตามเพจเฟซบุ้ค

จนสุดท้ายผมก็ลงเรียนคอร์สสดกับโค้ชหนุ่ม

.

ซึ่งผมกล้าพูดเลยว่าวิธีทั้งหมดที่ว่ามา ไม่มีวิธีไหนที่ตอบโจทย์เท่ากับการ “ลงคอร์สเรียน” ครับ เพราะมันทำให้เราเข้าใจและเข้าถึงเนื้อหาที่ผู้สอนจะสื่อได้ดีที่สุด แถมได้สัมผัสและได้เจอไอดอลตัวจริงด้วย

.

ลองนึกภาพดูว่าถ้าวันนี้คุณเรียนมหาลัยแล้วอ่านหนังสืออย่างเดียวโดยไม่เข้าเรียนกับอาจารย์เลย กับอีกคนที่ทั้งอ่านหนังสือและเข้าเรียนสดกับอาจารย์ด้วย แบบไหนจะทำให้คุณสอบได้และเข้าใจได้มากกว่ากัน ?

.

คำตอบคือ การอ่านหนังสือและเข้าเรียนกับอาจารย์ด้วย ถูกไหมครับ

.

ดังนั้น หากวันนี้คุณกำลังเป็นลูกจ้างหรือคนทำธุรกิจส่วนตัว จำเป็นอย่างยิ่งที่คุณจะต้องเป็นนักลงทุนให้ได้ เพราะมันจะเป็นรายได้แบบ Passive ให้คุณยามที่คุณไม่ได้ทำงาน

.

ซึ่งการลงทุนที่คุณเองก็สามารถทำให้ ไม่ต้องใช้เงินเยอะก็ลงทุนได้ แถมยังมีอิสระในการลงทุน อยู่บ้านหรืออยู่ที่ไหนก็ลงทุนได้

.

ด้วยเหตุนี้ ผมและพี่มาเรียม(เพจ Mariam Invest)

จึงอยากให้ทุกคนได้สัมผัสกับความรู้สึกการเรียนการสอนแบบสอนสดๆไม่ต้องลองผิดลองถูก ไปซื้อหนังสือหรือดูยูทูบด้วยตัวเองให้วุ่นวาย

.

จึงได้จัดคอร์ส “ลงทุนหุ้นฮาลาลรุ่น3” โดยจะจัดที่หาดใหญ่ในวันที่ 4-5 พ.ย. นี้ คนหาดใหญ่และจังหวัดใกล้เคียงไม่ควรพลาด



เพราะผม “หาโอกาสยากมาก” ที่จะได้ไปจัดที่ภาคใต้ พลาดรอบนี้ไปแล้วคือพลาดเลย

.

คอร์สนี้เหมาะสำหรับคนที่ไม่มีพื้นฐานมาก่อน สอนจากศูนย์จนลงทุนเป็นเลย และไม่เหมาะสำหรับคนที่มีอคติกับการลงทุนและการลงคอร์สเรียน

.

เพราะผมเข้าใจว่าปัจจุบันมีพวกชอบหลอกขายคอร์ส “สอนฟรี” แต่พอไปเรียนก็บังคับให้เปิดบิลหรือซื้อสินค้าเป็นตัวแทนให้แบรนด์…

.

และไม่เหมาะสำหรับคนที่ “อยากรวยเร็ว” หรือรวยทางลัด เพราะคอร์สนี้เป็นคอร์สที่เราจะสอนวิธีการหาปลา ไม่ใช่มาแจกปลา

.

และที่สำคัญ “ไม่ใช่คอร์สฟรี” เพราะอะไรที่ได้มาฟรีๆมักไม่ค่อยมีคุณค่า ซึ่งความรู้ที่ผมและคุณมาเรียมจะให้ในคอร์ส คุณสามารถเอาไปหาเงินและสร้างเงินได้ตลอดชีวิต

.

ราคาคอร์สอยู่ที่ 6,990 บาท แต่ผมลดให้สำหรับคนที่โอนมาภายในวันนี้ เหลือ 6,500 บาท และหากคุณมาเป็นคู่ จะมาคู่สามีภรรยา พี่น้องหรือคู่เพื่อน ผมลดให้อีกเหลือท่านละ 5,990 บาท เท่านั้น แต่มีข่าวร้ายที่ผมจะบอกคือมีที่นั่งเหลือให้สำหรับ 3 คน เท่านั้น ย้ำว่ามีให้แค่ 3 คนเท่านั้น เมื่อครบ 3 คนแล้ว ผมจะปิดลงทะเบียนทันที หรือภายในวันพรุ่งนี้ (31 ตุลาคม)เวลา 23.59 น.

.

หากสนใจสามารถแอดไลน์ @moneyhalal (มี @ นำหน้า) หรือคลิกลิงก์  https://lin.ee/6eNiN2H แล้วพิมพ์คำว่า “หุ้น3” หรือคอมเมนท์ใต้โพสต์นี้ว่า “สนใจ” แอดมินจะ Inbox เพื่อส่งรายละเอียดไปให้ครับ

.

ปล.เนื้อหาและสิ่งที่จะได้รับในคอร์สอยู่ในคอมเมนท์

.

แล้วเจอกันในคลาสนะครับ

.

.

เขียนโดย #moneyhalal

#รวยโลกนี้_สำเร็จโลกหน้า

Comments


bottom of page